มะเร็งลำไส้ใหญ่
สาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นสาเหตุของโรคอ้วน และพบว่าในผู้ที่เป็นโรคอ้วนจะมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่าคนปรกติประมาณ 1.2 เท่าสำหรับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ คือ ผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปี มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่า 2 คนขึ้นไป เคยมีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ เคยเป็นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง และการสูบบุหรี่
อาการ
อาการ ที่พบในระยะแรกคือมีมูกเลือดปะปนมากับอุจจาระ โดยจะสังเกตได้ว่าอุจจาระมีสีคล้ำ คล้ายสีของเลือดหมู หรือมีลักษณะการถ่ายอุจจาระที่ผิดปรกติออกไป เช่นปรกติไม่เคยท้องผูก ก็ท้องผูก หรือมีอาการท้องผูกสลับกับท้องเสีย นอกจากนั้นอาจสังเกตได้จากขนาดของเส้นอุจจาระที่ลดลงผิดปรกติ หรือมีอาการถ่ายอุจจาระไม่สุด
สำหรับในระยะที่รุนแรงมากขึ้น ผู้ป่วยจะมีอาการแน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้อง อาเจียน อ่อนเพลีย และน้ำหนักลดลงผิดปรกติ
การแบ่งระยะของโรค
หลังจากวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่แล้ว แพทย์จะแบ่งระยะของโรคโดยแบ่งตามการแพร่กระจายของโรคดังนี้
- Stage 0 คุณเป็นคนที่โชคดีเป็นโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้น มะเร็งอยู่เฉพาะผิวของลำไส้
- Stage 1 มะเร็งอยู่เฉพาะผนังลำไส้ ยังไม่แพร่ออกนอกลำไส้
- Stage 2 มะเร็งแพร่ออกนอกลำไส้แต่ยังแพร่ไม่ถึงต่อมน้ำเหลือง
- Stage 3 มะเร็งแพร่ไปต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง แต่ยังไม่แพร่ไปยังอวัยวะอื่น
- Stage 4 มะเร็งแพร่ไปอวัยวะอื่นโดยมากไปยังตับและปอด
- Recurrent เป็นมะเร็งซ้ำหลังจาการรักษา
การวินิจฉัย
เมื่อแพทย์ทราบอาการของผู้ป่วยและสงสัยว่าจะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่แพทย์จะซักประวัติครอบครัว ประวัติส่วนตัว หลังจากนั้นจะตรวจร่างกายทั่วไปและตรวจพิเศษเพิ่มเติมดังนี้
- ใช้นิ้วมือตรวจทางทวารหนัก โดยแพทย์จะสวมถุงมือและทาครีมหล่อลื่นแล้วตรวจเข้าทางทวารหนักเพื่อตรวจว่ามีก้อนเนื้อหรือไม่
- ตรวจหาเลือดในอุจาระ โดยให้งดเนื้อสัตว์และเลือดรวมทั้งวิตามินบำรุงเลือด3 วันแล้วนำอุจาระตรวจหากผลตรวจให้ผลบวกแสดงว่ามีเลือดทางเดินอาหาร
- การส่องกล้องมีทั้งการส่อง sigmoidoscope คือส่องดูแค่ลำไส้ใหญ่ส่วนต้น และ colonoscopy ส่องดูลำไส้ใหญ่ทั้งหมด
- การสวนสี barium enema โดยการสวนสารทึบรังสีเข้าในลำไส้ใหญ่แล้ว x-ray ดูลำไส้ใหญ่
- การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจ biopsy อาจจะตัดชิ้นเนื้อขณะส่องกล้อง หรือตรวจหลังจากทราบผล x-ray
วิธีการรักษา
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (rectum) นอกจากการผ่าตัดและการรักษาเสริมโดยการให้ยาเคมีบำบัดแล้วจะมีการใช้รังสีรักษาร่วมด้วย ส่วนผู้ป่วยในระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะที่โรคแพร่กระจายและคนส่วนใหญ่คิดว่าไม่สามารถรักษาได้แล้ว ความเชื่อนั้นไม่ถูกต้องเสมอไป เพราะหากผู้ป่วยมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงพอ แพทย์ก็สามารถที่จะให้การรักษาได้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ยาเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยส่วนหนึ่งมีอาการทุเลาลงหรือมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น